บทความ

20 ข้อ ที่ต้องเลิกทำเพื่อเปลี่ยนแปลงรูปร่าง

ถ้าอยากจะเปลี่ยนแปลงรูปร่างควบคู่กับการพัฒนาสมรรถภาพร่างกายให้ดีขึ้น เราต้องเลิกทำสิ่งเหล่านี้ได้แล้วครับ
 
1.ต้องเลิกคิดว่าผอมแล้วดี อ้วนแล้วไม่ดี น้ำหนักขึ้นไม่ดี ลองเปลี่ยนมาถามตัวเองว่า “เราพอใจ เรามีความสุขในชีวิตในแต่ละวันรึยัง” ถ้ามีความสุข มีความพอใจแล้ว ยินดีด้วยครับแต่ถ้าเรายังไม่พอใจ อยากที่จะพัฒนาเพิ่ม เราก็ต้องหาวิธีการถูกต้อง ปรับทัศนคติให้ดี และลงมือทำให้สม่ำเสมอ
 
2. ต้องเลิกถามว่าอาหารอันนี้อ้วนมั้ย กินได้มั้ย แต่เราควรจะดูว่าอาหารนั้นมีสารอาหารอะไรที่ร่างกายต้องการบ้าง เป็นคำถามที่เจอถามบ่อยมาก ในความเป็นจริงเราไม่สามารถบอกได้ว่าเราจะอ้วนขึ้นจากการกินอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งหรืออ้วนจากการกินอาหารเพียงครั้งเดียว แต่เราอ้วนจากการกินอาหารแบบนั้นซ้ำๆ มีพฤติกรรมไม่ดีๆซ้ำๆ
 
3. ต้องเลิกกลัวการกินคาร์โบไฮเดรต แต่ต้องรู้ว่าเราควรจะกินคาร์โบไฮเดรตอะไรตอนไหนเท่าไหร่ เพราะคาร์โบไฮเดรตเป็นขุมพลังที่ทำให้กล้ามเนื้อเราทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ทำให้ร่างกายพัฒนา
4. ต้องเลิกบ้ากินแต่โปรตีน เพราะสารอาหารอื่นๆก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน ควรจะกินสารอาหารให้ครบถ้วน และหลากหลายด้วย การกินโปรตีนเยอะจะทำให้อิ่ม เป็นสาเหตุทำให้เรากินสารอาหารอื่นได้น้อยลง
 
5. ต้องเลิกคิดไปเองว่าเรากินน้อยแล้ว หรือดูแต่ปริมาณของอาหาร เพราะในความเป็นจริง ปริมาณอาหารไม่สัมพันธ์กับพลังงานในอาหาร อาหารบางอย่างชิ้นเล็กแต่ให้พลังงานสูงมาก (Calories Dense Foods) ในทางตรงข้ามอาหารที่มาจากธรรมชาติส่วนใหญ่ มีปริมาณเยอะแต่ให้พลังงานน้อย (Nutrient Dense Foods) ทำให้กินได้เยอะกว่า อยู่ท้องมากกว่า แถมยังมีงานวิจัยแสดงให้เห็นว่าคนส่วนมากที่คิดว่ากินน้อย จะกินแคลอรี่มากกว่าที่คิดไว้ถึง 50% แม่เจ้า!!!
 
6. ต้องเลิกกลัวที่จะยกเวทหรือฝึกความแข็งแรง การยกเวทมันไม่ได้มีแค่การทำให้กล้ามเนื้อใหญ่ขึ้นเท่านั้น (ในความเป็นจริงมันก็ใหญ่ขึ้นได้ยากด้วย) แต่มันมีหลายหลากวิธีการซึ่งขึ้นอยู่กับเป้าหมายของแต่ละคน ทั้งฝึกให้มีแรงระเบิดเพิ่มขึ้น มีพลังมากขึ้น มีความทนทานมากขึ้น
 
7. ต้องเลิกคิดที่จะคาดิโอโซน 2 อย่างเดียว การคาดิโอที่ความหนักไม่มากมีประโยชน์หลากหลาย เช่น ฝึกให้ร่างกายใช้ไขมันเป็นพลังงานให้ดีขึ้น เพิ่มความหนาแน่นของไมโตคอนเดีย ช่วยฟื้นฟูร่างกาย ทำให้ร่างกายมีความทนทานมากขึ้น แต่ถ้าทำบ่อยเกินไปมันจะเรากดสมรรถภาพร่างกายของเราเช่นกัน ทำให้เราฝึกซ้อมไม่เต็มที่ไม่เกิดการพัฒนา รูปร่างไม่เปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นต้องมีการวางโปรแกรมคาดิโอให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ด้วย
 
8. ต้องเลิกคิดว่าต้องคาดิโอ 30-45 นาทีขึ้นไป ร่างกายถึงจะเผาผลาญไขมันเป็นพลังงาน (ในความเป็นจริงร่างกายใช้ไขมันตลอดเวลา) เป็นการสร้างแนวคิดเชิงลบว่าถ้าทำไม่ถึงแล้วจะไม่มีประโยชน์ แต่ควรจะคิดว่าเราจะคาดิโอแบบไหนที่เราใช้เวลาที่เรามีให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเหมาะกับสมรรถภาพร่างกายของเราดีกว่า ถ้ามีเวลาน้อยเราก็สามารถคาดิโอได้เช่นกัน แต่ควรจะทำให้หนักขึ้น
 
9. ต้องเลิกกลัวการยกเวทหนัก เลิกกลัวว่ายกเวทแล้วตัวจะใหญ่ เลิกกลัวน้ำหนักที่ใช้ในการยก กลัวยกเวทแล้วจะบาดเจ็บ ถ้าเราออกกำลังกายได้ถูกต้อง ควบคุมท่าทางการออกกำลังกายได้ดี ความแข็งแรงมากขึ้น น้ำหนักที่ยกก็ควรจะต้องเพิ่มขึ้นตามด้วย เพราะร่างกายและกล้ามเนื้อจะพัฒนาได้นั้นจะต้องสู้กับความสามารถที่ยากขึ้น ต้องสร้างความเครียดในระดับที่พอเหมาะกับร่างกายอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ
 
10. ต้องเลิกคิดจะยกเวทด้วยท่าทางประหลาด ยกเวทตามในยูทูป ยกเวทตามเน็ตไอดอล แต่สิ่งที่เราควรให้ความสำคัญ คือ การยกเวท การเคลื่อนไหวร่างกายในท่าทางพื้นฐานให้ดี แล้วใช้ให้เต็มประสิทธิภาพของมัน สอดคล้องกับเป้าหมายและสมรรถภาพร่างกายของเรา
 
11. ต้องเลิกคิดว่าการออกกำลังกายอย่างเดียวจะทำให้เราผอมลง หุ่นดีขึ้น เพราะถ้าเราไม่คุมอาหาร ไม่ปรับพฤติกรรมการกินไปด้วย ก็ยากที่จะหุ่นดีขึ้น เพราะคนที่เพิ่งเริ่ม การออกกำลังกายในแต่ละครั้งใช้พลังงานไม่เยอะ 200-300 แคลต่อชั่วโมงเท่านั้น
 
12. ต้องเลิกคิดว่าเราออกกำลังกายแบบไหนก็ได้ ก็ถือว่าได้ออกกำลังกายแล้ว แต่เราควรจะต้องรู้ว่าเราจะออกกำลังกายอะไร ความหนักเท่าไหน เพื่อประโยชน์อะไร
 
13. ต้องเลิกคิดแต่จะทำหรือกินในสิ่งที่ชอบเท่านั้น เพราะการที่เรายอมทำในสิ่งที่เราไม่ชอบ แต่เรารู้ว่ามันเป็นประโยชน์ต่อตัวเอง จะเป็นตัวที่ทำให้เราพัฒนา เห็นความแตกต่างที่เพิ่มขึ้น
 
14. ต้องเลิกรอคอยหรือมัวแต่มองหาแรงบันดาลใจในการออกกำลังกายหรือการดูแลสุขภาพ แต่เราทำเพราะมันเป็นสิ่งที่ต้องทำ เหมือนการแปรงฟัน ต้องสร้างเป็นวินัยไปเลย
 
15. ต้องเลิกยึดติดกับตัวเลขบนตาชั่ง แต่ให้ดูว่าเรากินดีมั้ย ออกกำลังกายดีมั้ย พักผ่อนดีมั้ย ถ้าเรามีความสุขในการใช้ชีวิตแล้ว เราจะเลิกสนใจตัวเองบนตาชั่งไปเลย
 
16. ต้องเลิกคิดว่าการออกกำลังกายเป็นการทรมาน เป็นการชดใช้กรรม แต่เราควรจะมองถึงประโยชน์ของการออกกำลังกายว่าเราทำแล้วได้อะไรกลับมาในอนาคตมากกว่า
 
17. ต้องเลิกคาดหวังที่จะเห็นผลทันที ให้คิดเหมือนกับการแปรงฟัน(อีกแล้ว) ที่เราแปรงฟันวันนี้ ไม่ได้หวังให้ฟันขาวสวยพรุ่งนี้ แต่เราแปรงฟันเพื่อป้องกันไม่ให้ฟันผุ หินปูนจะได้ไม่เกาะ ฟันจะได้ดีไปตลอด หมอฟันจะได้ไม่ด่า
 
18. ต้องเลิกเชื่อแต่คนอื่น ต้องเลิกทำเพราะคนอื่น ๆ ทำกันมา แต่ควรจะอ่านหรือฟังแล้วไปศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เพื่อที่เราจะได้ข้อมูลที่ถูกต้องและต่อยอดความรู้ของเราขึ้นไปด้วย โลกเค้าไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
 
19. ต้องเลิกกลัวนู่นนี่แล้วไม่ลงมือทำซักที เช่น ทำแบบนี้จะได้ผลมั้ย กินแบบนี้จะดีมั้ย กินโปรตีนเยอะเท่าไหร่ดี และต้องเลิกคิดว่าทำไม่ได้ ถ้าคนอื่นทำได้ เราก็ทำได้ เอาเวลาที่กลัวไปศึกษาข้อมูลพื้นฐาน แล้วลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ วิธีนี้จะเป็นกระบวนการการเรียนรู้ที่ทำให้เรารู้ว่าเราควรปรับเพิ่ม-ลดตรงไหนเพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตและความชอบของเรามากที่สุด
 
20. เลิกอ่าน เลิกฟังอย่างเดียว ไปลงมือทำซะ และอย่าผัดวันประกันพรุ่ง อย่าอะลุ่มอล่วยกับตัวเองมากนัก
 
 
=======================
 
นิว วีระเดช ผเด็จพล
 
MSc. Sport & Exercise Nutrition, Leeds Beckett University, UK
Certified Strength & Conditioning Specialist (NSCA)
Certified Personal Trainer (NSCA)
ผู้ร่วมก่อตั้ง Fit-D Fitness และเว็บไซต์ fit-d.com
Educator at FIT
 
โดย New Fit-D

พี่นิว หนึ่งในเจ้าของฟิตดี, Master Trainer at Fit-D fitness

เมื่อ 04 Mar 2021 | อ่านแล้ว 2,424 ครั้ง

บทความที่เกี่ยวข้อง

อายุเป็นเพียงตัวเลขจริงๆนะ ด้วยความรู้เรื่องการออกกำลังกาย อาหารและวิธีการดูแลตัวเอง ควบคู่กับเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่พัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ ทำให้เรารู้วิธีการดูแลตัวเองเพิ่มขึ้นจากเมื่อก่อนเยอะ

เมื่อ 01 Feb 2022 | อ่านแล้ว 1,660 ครั้ง

การหายใจที่จะเพิ่มภูมิคุ้มกัน ลดความเครียด และนอนได้ดีขึ้น

เมื่อ 05 Mar 2021 | อ่านแล้ว 27,905 ครั้ง

ความสำคัญของการออกกำลังกายที่ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของการมีหุ่นดี หรือลดความอ้วน ให้มองการออกกำลังกาย เป็นการดูแลสุขภาพเป็นเรื่องของการเตรียมความพร้อม เพราะคุณไม่รู้หรอกว่าคุณจะได้รับเชื้ออะไร เข้ามาเมื่อไหร่

เมื่อ 04 Mar 2021 | อ่านแล้ว 795 ครั้ง

จะเห็นได้ว่าคนที่แม้ไม่ออกกำลังกาย แต่มีกิจกรรมระหว่างวันเยอะ สามารถเผาผลาญได้มากกว่า หรือพอๆกับคนที่ออกกำลังกายเลยทีเดียว

เมื่อ 03 Mar 2021 | อ่านแล้ว 991 ครั้ง