บทความนี้ผมอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ แรงบันดาลใจ และความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ จากเรื่องราวของผมเอง ให้สำหรับคนที่อาจจะกำลังบาดเจ็บอยู่ คนที่กำลังท้อแท้ในการออกกำลังกาย คนที่เริ่มต้นตั้งใจลดไขมันแต่รู้สึกว่ามันยากเย็นเหลือเกินได้อ่านกันครับ
หลายคนอาจจะคิดว่า ผมออกกำลังกายอยู่แล้ว แข็งแรงอยู่แล้ว ทำอะไรก็อาจจะง่ายกว่าคนอื่น ไม่ต้องต่อสู้ ไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรในการทำแต่ละวันก็มีรูปร่างที่โอเคได้ ผมอยากจะบอกว่าสิ่งที่ผมทำอยู่มันก็ไม่ได้ได้มาง่าย ๆ ครับ ประมาณช่วงนี้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ผมประสบอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์จนทำให้ต้องเข้ารับการผ่าตัดไหปลาร้าที่หัก ก่อนหน้าที่จะเกิดอุบัติเหตุบัติเหตุ เป็นช่วงที่ร่างกายแข็งแรงที่สุดตั้งแต่เกิดมา ลงแข่งครอสฟิต 5 รายการในปีนั้น แต่เปรี้ยงเดียว เกิดจากความประมาท สภาพร่างกายกลับไปสู่สภาวะติดลบ
ช่วงแรกเป็นช่วงที่ทรมานที่สุดทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ ไม่สามารถยกแขนขวาขึ้นได้เลย อาบน้ำเองไม่ได้ ใส่เสื้อเองไม่ได้ ต้องเปลี่ยนมากินข้าวข้างซ้ายแทน ยกแขนนิดเดียวก็เจ็บ ตอนนอนก็ต้องใส่ที่คล้องแขนล็อคไว้ ตื่นกลางดึกบ่อยมาก สภาพจิตใจย่ำแย่ มีความกลัวว่าจะกลับมาออกกำลังกายหนักไม่ได้ กลัวว่าว่ากระดูกจะไม่ติด กลัวว่าจะออกกำลังกายไม่ได้เหมือนเดิม กลัวว่าจะกลับมาแข่งไม่ได้อีก ความคิดนี้วนเวียนเข้ามาทุกวัน คิดถึงเรื่องอุบัติเหตุทุกวัน จนบางทีนั่งเหม่อนั่งมองทีวีเปล่า (อันนี้ภรรยาบอกมา) ต้องกลับมาเริ่มต้นทำกายภาพเริ่มจากที่แขนยกไม่ได้เลยให้กลับมายกแขนตรงชิดหู หมุนแกนในมุมต่าง ๆ ได้เหมือนเดิมอีกครั้ง แล้วค่อย ๆ สร้างความแข็งแรงเพิ่มขึ้น เริ่มตั้งแต่ใช้การเกร็งค้าง ใช้ยางยืด วิดกำแพง ยกดัมเบลล์ 1kg จนกลับมาฟิตสมบูรณ์ กลับมาแข่งครอสฟิตได้ในเวลา 6 เดือน และในปัจจุบัน ผมกลับมาแข็งแรงกว่าตอนก่อนรถล้มอีกด้วย บทเรียนที่ผมได้รับจากเหตุการณ์นี้ คือ
1. ถ้าจิตใจและความต้องการของเราแข็งแรงมากกว่าอุปสรรคหรือข้ออ้าง เราจะพร้อมลงมือทำ
2. การมีเป้าหมายระยะไกลสำคัญก็จริง แต่สิ่งสำคัญกว่า คือ การที่เราต้องทำเป้าหมายเล็ก ๆ ในแต่ละวันให้สำเร็จก่อน และเมื่อเราทำเป้าหมายในแต่ละวันได้ดีแล้ว ทำได้นานพอ เป้าหมายใหญ่ ๆ ที่เราตั้งใจไว้จะมาเอง
3. ต้องศึกษาหาวิธีการที่ถูกต้อง และต้องเชื่อในกระบวนการที่ทำด้วย “Trust The Process” ผมใช้ความรู้ทั้งโภชนาการ กายภาพบำบัด และการวางโปรแกรมออกกำลังกายมาช่วย
4. ปรึกษาคนที่รู้จริง ผมโชคดีที่ผมรู้ว่าผมจะไปปรึกษาในแต่ละเรื่องกับใครบ้างเพื่อช่วยยืนยันได้ว่าสิ่งที่ทำอยู่มันมีประสิทธิภาพและมาถูกทาง
5. “เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ ทำทีละอย่าง” ค่อย ๆ ลงมือทำ โฟกัสทีละจุด แล้วทำให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ
6. ผมไม่เชื่อเหมือนคนอื่น ๆ ที่บอกว่ามันจะยกแขนไม่สุด จะไม่แข็งแรงเหมือนเดิม จะยกเวทไม่ได้เหมือนเก่า ผมไม่คิดในแง่ลบ ผมไม่รอเวลา ผมไม่หาข้ออ้าง แต่ผมเลือกที่จะลงมือทำ
7. ถ้าเป้าหมายเราใหญ่ สิ่งที่เราต้องทำก็ต้องยาก ไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ แต่ถ้าเราทำด้วยวิธีการที่ดีและทำสม่ำเสมอ มันสามารถเกิดขึ้นได้ ผมอยากให้คนที่อยากมีรูปร่างที่ดี มี mindset นี้ด้วย
8. หาปัญหาให้เจอ ยอมรับในปัญหานั้น ลงมือทำให้ตรงจุดตามความสามารถที่เรามี ณ ขณะนั้น อย่าทำอะไรที่มันยากเกินความรู้ความสามารถของเรา
9. หลายคนจะรอเวลาให้พร้อม รอเพื่อน รออะไรก็ไม่รู้ แต่ผมไม่รอให้ไหปลาร้าหายแล้วค่อยเริ่ม ตั้งแต่ช่วงที่ผ่าตัดเสร็จ ถึงแม้ไหล่จะใช้ไม่ได้ แต่ผมไม่หยุดออกกำลังกายเลย ผมยังปั่นจักรยานเพื่อทำให้หัวใจแข็งแรง ผมยังเทรนกล้ามเนื้อขา เพราะผมคิดว่าถ้าไหล่หายดี ผมก็เริ่มต่อได้เลย ไม่ต้องไปเริ่มต้นสร้างใหม่
10. ถ้าเราเชื่อว่าสิ่งที่เราคิดมันเกิดขึ้นได้ ลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ ยังไงผลลัพธ์ก็เกิดขึ้นแน่นอน แต่ถ้าเรายังไม่มีความรู้ความสามารถมากพอ การที่มีคนให้คำปรึกษาที่ดี มีคนที่ช่วยให้เราไปถึงเป้าหมายได้ ผมว่าดีกว่าเราเสียเวลาไปทำเอง และเผลอ ๆ อาจจะแย่ลงกว่าเดิมก็ได้
หวังว่า 10 ข้อนี้จะช่วยสร้างพลัง สร้างกำลังใจให้เราลงมือทำอย่างสม่ำเสมอจนไปถึงจุดที่ตั้งใจไว้ครับ สำหรับใครที่ต้องการอยากให้มีคนช่วย อยากได้คนให้คำปรึกษาเพื่อที่จะได้เริ่มต้นอย่างถูกต้อง ช่วยให้เห็นผลลัพธ์ตามที่ต้องการ Fit-D เรามีบริการทั้งเทรนเนอร์ส่วนตัวแบบออนไลน์ หรือใครสนใจจะมาเทรนที่ยิม ไม่ว่าจะเป็นที่สาขาพญาไท, รัชดา หรือสุขุมวิท 39 เราก็มีโปรโมชั่นอยู่นะครับ หากสนใจสามารถ inbox เข้ามาได้เลยครับ
- FIT-D l GET FIT THE RIGHT WAY -
“เรารู้ว่าคุณออกกำลังกายเองได้ แต่เรายินดีที่จะช่วยให้คุณออกกำลังกายได้อย่างถูกต้องและเห็นผลครับ”
_____________________________
MSc. Sport & Exercise Nutrition, Leeds Beckett University, UK
Certified Strength & Conditioning Specialist (NSCA)
Certified Personal Trainer (NSCA)
ผู้ร่วมก่อตั้ง Fit-D Fitness และเว็บไซต์
fit-d.com
Educator at FIT
IG: new_fitd